โครงการยกระดับศักยภาพในทีมงานขาย Series Program Sales Development Program

โครงการยกระดับศักยภาพในทีมงานขาย Series Program

Sales Development Program

 ความเป็นมาของโครงการ

จาก สภาพของการแข่งขันที่รุนแรงทางเศรษฐกิจ ทำให้ในหลายภาคส่วนของธุรกิจนั้นเร่งที่จะปรับตัวให้สอดคล้องต่อการเปลี่ยน ไป หรือบางรายใช้ความพยายามที่จะทำให้ตนเองนั้นล้ำหน้ากว่าสภาพการแข่งขันจึงมี การนำกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่สำคัญและจำเป็นมาเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ สถาบันที่ปรึกษาและพัฒนาธุรกิจ StepPlus.org เป็น สถาบันที่มุ่งเน้นที่จะยกระดับศักยภาพทางธุรกิจโดยแท้จริง ซึ่งมีวิธีการที่จะมุ่งเน้นถึงศักยภาพของบุคลากรในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับกลาง ผู้บริหารระดับต้น รวมถึงบุคลากรในระดับปฏิบัติการ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจจนทำให้สามารถที่จะแข่งขัน ได้ในทุกระดับ สถาบันที่ปรึกษาและพัฒนาธุรกิจ StepPlus.org จึง มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจทั้งในลักษณะเร่งรัดแต่เข้มข้น โดยใช้ระยะเวลาสั้น ๆ หรือ การพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับแบบถาวร ที่จะให้เวลานานกว่า ในลักษณะของการเป็นโค้ชทางธุรกิจ โดยมีการจัดแบ่งกิจกรรมที่จะใช้ในการยกระดับเป็น 3 ลักษณะตามความเหมาะสมของความต้องการขององค์กรนั้น ๆ ดังต่อไปนี้

1.      Instant Training Solution: ITS เป็น การจัดสัมมนาให้ตรงกับความต้องการขององค์กร โดยองค์กรนั้น ๆ พิจารณาและเลือกหัวข้อให้ตรงกับความต้องการที่จนเองมีความประสงค์ที่จะพัฒนา บุคลากร

2.      Particular Training: PT เป็นการออกแบบการยกระดับศักยภาพให้มีเนื้อหาตรงกับความต้องการหรือเพื่อเป็นการเจาะลึกในสายใดสายหนึ่ง

3.      Business Consultant: BC เป็น การให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เพื่อการวางแผนการยกระดับศักยภาพระยะยาว จัดทำเส้นทางการอบรมสัมมนา อีกทั้งการให้คำปรึกษา การจัดทำระบบงานทั้งในส่วนงานทรัพยากรบุคคล และการขายเป็นต้น

 

ทำไม? ต้องจัดสัมมนากับสถาบันที่ปรึกษาและพัฒนาธุรกิจ StepPlus.org

  • ด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรมากกว่า 15 ปี ในสนามการทำงานจริงในองค์กรชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกาของวิทยากรประจำ สถาบัน จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความรู้ความชำนาญและเป็นบทพิสูจน์ได้ถึงความสำเร็จ ในหลากหลายธุรกิจในการพัฒนาศักยภาพได้อย่างแท้จริง
  • กระบวน การในการนำเสนอของสถาบันนั้นมุ่งเน้น การเข้าใจถึงแก่นแท้ของหลักวิชาการผ่านกระบวนการที่พิสูจน์ได้เป็นรูปธรรม ในลักษณะที่เรียกว่า “โค้ชชิ่ง หรือ โค้ชทางธุรกิจ”
  • สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้ได้ทันที ทำให้เห็นผลได้อย่างเป็นรูปธรรม
  • วิทยากร จะใช้หลักวิชาในการวินิจฉัยและตรวจสอบตามแนวทางของการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ สำหรับการวิเคราะห์องค์กร เพื่อการเตรียมข้อมูลในการยกระดับศักยภาพของธุรกิจนั้น ๆ

แนวคิดการออกแบบหลักสูตร

เพื่อ ให้ครอบคลุมถึงแนวคิดในการพัฒนาศักยภาพของทีมงานขายได้อย่างเป็นรูปธรรม กระบวนการในการออกแบบหลักสูตรจึงมีความประณีตและละเอียดอ่อน ผ่านการวินิจฉัยจากนักวิชาการประจำสถาบันผู้ซึ่งมีประสบการณ์ตรงจากการทำงาน การขายและเป็นผู้บริหารในบริษัท 1 ใน 500 ของบริษัท Fortune ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้หลักสูตรนั้นมีความเหมาะสมต่อบริบทของผู้ที่ต้องการยกระดับศักยภาพของ ตนเอง ซึ่งกระบวนการของการยกระดับศักยภาพของตนเองนั้น ถูกออกแบบให้เป็นศิลปะทางนวตกรรมแห่งการเรียนรู้(State of Art on Education Innovation) ที่จะทำผู้เข้าอบรมนั้นเข้าถึงแก่นแท้ของเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้ง โดยเนื้อหาต่าง ๆ นั้นได้ถูกออกแบบและพิสูจน์จนเป็นที่ยอมรับถึงประสิทธิภาพสูงสุดที่จะส่งมอบ ให้แก่ผู้เข้าอบรมว่าตรงต่อความต้องการของผู้เข้าอบรม หลักสูตร “Sales Development Program (SDP)” ถูกออกแบบเพื่อให้สอดคล้องต่อบริบทของการขายแบบไทย ซึ่งแบ่งเนื้อหาเป็น  6  หลักสูตร รวมจำนวนวันทั้งสิ้น  13   วัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

Module1: 8 ขั้นตอน การเป็นนักขายมืออาชีพ
8 Steps to be Modern Dynamic Selling Edge (MDSE)
หลักการและเหตุผล
ในปัจจุบันนั้น “ผู้ขาย” เปรียบ เสมือน กุญแจของความสำเร็จทางธุรกิจ ซึ่งอาจจะนำมาใช้เพื่อเป็นดัชนีชี้วัดในอีกมิติได้ โดยเฉพาะในมุมมองของการปฏิบัติงาน ที่จะคำนึงถึงผลลัพธ์ของงาน หมายถึงว่า ถ้าองค์กรใดมีทีมงานขายที่เข้มแข็ง มีความสามารถ เข้าใจและเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า หรือกลุ่มผู้มุ่งหวัง ก็จะสามารถชี้ชัดได้ถึงความสำเร็จขององค์กรนั้นๆ การเร่งสร้างทีมงานฝ่ายขายจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการสร้างแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อนำพาให้องค์กรนั้น ๆ มีศักยภาพเพียงพอต่อสภาพการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ในอนาคตอันใกล้นี้ การพัฒนาศักยภาพของทีมงานขายให้เป็นรูปธรรม ซึ่งสามารถที่จะหล่อหลอมทีมงานขายให้เข้าใจบทบาท หน้าที่ที่สำคัญที่ตนเองนั้นต้องทำ ที่จะมุ่งเน้นกระบวนการการสร้างหุ้นส่วนทางธุรกิจมากกว่าการมุ่งเน้นเพียง การคำนึงถึงแต่ การขายสินค้าหรือการบริการเท่านั้น หลักสูตร “8 Steps of Modern Dynamic Selling Edge: MDSE” ถูกออกแบบตามแนวการวิจัยและค้นคว้าเรื่องงานขายซึ่งมีการสำรวจใน 4 มิติ หลักได้แก่ ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้บริหาร อีกทั้งมีการรวบรวมเทคนิค กลวิธีจากคู่มือ บทความที่เกี่ยวกับการขายต่าง ๆ เพื่อให้ได้หลักสูตรที่คำนึงถึงแก่นแท้ของความรู้ ความเข้าใจของผู้แทนขาย จนสามารถที่จะไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม นำมาซึ่งความสำเร็จให้กับองค์กรนั้น ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม..

วัตถุประสงค์และผลที่คาดว่าจะได้รับ

1.      พัฒนาทักษะ ความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ที่จำเป็นของผู้แทนขาย

2.      เพื่อสร้างพฤติกรรมความสำเร็จมุ่งงานขายแก่ผู้แทนขาย

3.      พัฒนายอดขาย และสร้างภาพลักษณ์ อย่างต่อเนื่อง

4.      สร้างประสบการณ์ที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมกับกลุ่มเป้าหมาย

5.      เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ที่จำเป็นของผู้แทนขาย

6.      เพื่อสร้างพฤติกรรมความสำเร็จให้ผู้แทนขาย

7.      พัฒนายอดขายและสร้างภาพลักษณ์อย่างต่อเนื่อง

8.      สร้างประสบการณ์ที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมกับกลุ่มเป้าหมาย

การออกแบบหลักสูตร
            แนว การพัฒนาหลักสูตรนี้ ได้พัฒนามาจากกระบวนการการวิจัยในเรื่องการขายในมิติของผู้บริหาร งานขาย ผู้ขาย ผู้ซื้อและบทความต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขาย นำมาออกแบบเนื้อหาหลักสูตร รวมถึงชุดฝึกต่างๆ ที่จะมุ่งเน้นการฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองเสมือนจริง ผ่านกระบวนการเรียนรู้สมัยใหม่ทำให้ทุกคนได้ฝึกฝนเป็นรายบุคคล ที่เรียกว่า ระบบโค้ชชิ่ง (Coaching)

เครื่องมือและสื่อการสอน

  • คู่มือประกอบการเรียนรู้ รุ่น CEO 4 สี พิมพ์เป็นเล่ม
  • ระบบโค้ชชิ่ง(Coaching) เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ ความเข้าใจในเทคนิคการขายต่าง ๆ
  • กระบวนการการเรียนการสอน ผ่านกิจกรรม และบทบาทสมมุติ
  • แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผ่านกระบวนการการตกผลึกทางความคิด
  • กรณีศึกษา วีดีทัศน์ และการทำ Workshop

รายละเอียดหลักสูตรเนื้อหาวิชา “8 Steps of Modern Dynamic Selling Edge: MDSE”
วันที่ 1 แนวคิดเรื่องอาชีพการขาย และการสร้างความอิทธิพลเหนือลูกค้า

  • ความสำคัญของการขาย กับการทำธุรกิจในทศวรรษหน้า
  • ปัจจัยของความสำเร็จในการทำงานขายและโอกาสความก้าวหน้าของผู้ทำงานขาย
  • วิเคราะห์ความล้มเหลวของงานขายจากผลการวิจัยด้านการขาย
  • A B C D E Models: Sales Key Success Solutions
  • ลักษณะที่สำคัญของนักขายแต่ละประเภทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
  • วิเคราะห์จิตวิทยาการซื้อของลูกค้า ในแบบต่างๆ เพื่อเข้าถึงความต้องการที่แท้จริง
  • ศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าประเภทต่าง ๆ เช่น ตามแนวคิดของ D-I-S-C เพื่อการเข้าถึง
  • เทคนิคการสร้างอิทธิพลเหนือลูกค้า เพื่อการครองใจ
  • แนวคิดด้าน CRM เพื่อใช้ในงานขาย

วันที่ 2 วิเคราะห์โครงสร้างการขายที่สำคัญ ตามแนวคิด ขายแบบไม่ต้องปิดการขาย แต่ได้ยอด

  • ศึกษากรณีศึกษา เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยของความสำเร็จในการขาย
  • องค์ประกอบของการสร้างความสำเร็จในงานขาย วิเคราะห์รายละเอียด
  • ชมวีดีทัศน์ ทัศนคติเพื่อความสำเร็จในงานขาย
  • การวิเคราะห์โครงสร้างในการขาย และการปรับโครงสร้างเพื่อเพิ่มยอดขาย
  • แนวคิดเรื่องการขายแบบไม่ต้องปิดการแต่ได้ออร์เดอร์  “ชัวร์”
  • วิเคราะห์ 8 ขั้นตอนของการขายอย่างชั้นเซียน
  • หลักและเทคนิคการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นสุดยอดนักขาย

วันที่ 3 วิเคราะห์แต่ละขั้นตอนของกระบวนการของการขาย

  • การค้นหากลุ่มเป้าหมาย แบบตรงเป้า เข้าถูกคน
  • หลักการของการเข้าพบ อย่างไร ไม่ให้ลูกค้าปฏิเสธ
  • วิเคราะห์เทคนิคการเปิดใจ ได้ข้อมูล
  • เทคนิคการนำเสนอและปรับบุคลิกภาพเพื่องานขาย
  • วิเคราะห์การแก้ข้อโต้แย้งเพื่อการขาย
  • เทคนิคการเจรจาต่อรอง อย่างไม่เคยเป็นรองใคร
  • หลักวิธีปฏิบัติเพื่อการปิดการขาย แบบได้ใจ ได้ออร์เดอร์
  • เทคนิคการพัฒนาและสร้าง Sales Platform
  • กรณีศึกษาและจัดทำ Workshop

 

ระยะเวลา   จำวน   18   ชั่วโมง (3 วัน)

 

จำนวนผู้เข้าอบรม                30      คน / รุ่น

 

Module2: เทคนิคการนำเสนอและการปรับบุคลิกภาพ

 

วัตถุประสงค์

การ นำเสนองานอย่างมีประสิทธิผลเป็นรูปแบบหนึ่งของการสื่อสารอันทรงพลัง ซึ่งใช้ในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร โน้มน้าวชักจูง และสร้างความเชื่อมั่น อันส่งผลให้ผู้รับสารเกิดความเชื่อ ยอมรับ หรือตัดสินใจกระทำการบางสิ่งบางอย่างอันเป็นผลจากการนำเสนอนั้น

การ นำเสนองานอย่างมีประสิทธิผล เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขาย สำหรับพนักงานขายเพื่อช่วยให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในสินค้า และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ นอกจากนั้น การนำเสนองานยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสื่อสารภายในองค์กร ที่ช่วยให้เกิดการยอมรับ การตัดสินใจอนุมัติ หรือให้ความการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างร่วมแรงร่วมใจ และสร้างผลลัพธ์ที่องค์กรต้องการ

อย่าง ไรก็ตาม หากผู้นำเสนอไม่สามารถนำเสนองานได้อย่างมีประสิทธิผล เช่นมีข้อมูลอัดแน่นมากเกินไป แต่ไม่ตอบสนองความต้องการหรือความสนใจของผู้ฟัง การนำเสนอนั้นย่อมกลายเป็นการเสียเวลาและเกิดค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นขึ้น

 

การนำเสนองานอย่างมีประสิทธิผล: การนำเสนอที่มุ่งเน้นผู้ฟังหรือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Audience/Customer-Centre Presentation)

          หลัก สูตรทักษะการนำเสนองานและปรับบุคลิกภาพอย่างมีประสิทธิผล โดยมุ่งเน้นที่ตัวผู้ฟังหรือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มีจุดเด่นของหลักสูตรอยู่ที่ การช่วยผู้เข้ารับการอบรมวางแผนการสร้างเนื้อหาการนำเสนอที่เป็นระบบ โดยมุ่งตอบสนองความต้องการ ความสนใจและความคาดหวังของผู้ฟัง โดยใช้ทักษะในการวิเคราะห์ผู้ฟัง  หลัง จากที่ผู้เข้ารับการอบรมมีโครงสร้างเนื้อหาการนำเสนอที่สอดคล้องกับผู้ฟัง แล้ว ย่อมมีความมั่นใจมากขึ้น เราจึงนำผู้เข้ารับการอบรมเข้าสู่ส่วนของวิธีการนำเสนอซึ่งรวมไปถึงเรื่อง การปรับปรุงบุคลิกภาพ ในการใช้สายตา ภาษากาย กิริยาท่าทาง สีหน้า การใช้ภาษา การใช้เสียง การโต้ตอบกับผู้ฟัง และการใช้สื่อประกอบต่างๆ

เนื้อหาหลักสูตรฝึกอบรมทักษะการนำเสนองานและปรับบุคลิกภาพอย่างมีประสิทธิผล

ส่วนที่ 1: แนวคิดการนำเสนองานที่มุ่งเน้นผู้ฟังเป็นศูนย์กลาง

1.1  ความหมายของการนำเสนองานอย่างมีประสิทธิผล

1.2  ประเภทของการนำเสนองาน

1.3  ภารกิจในการนำเสนองาน

 

ส่วนที่ 2: การวางแผนการนำเสนองาน

เริ่มด้วยกิจกรรมเปิดประเด็น: ให้ลองนำเสนอตามประเด็นที่มอบหมาย

2.1 การกำหนดวัตถุประสงค์การนำเสนอ (นำสถานการณ์จริงของผู้เข้ารับการอบรมแต่ละคนมาฝึกกำหนดวัตถุประสงค์)

  • เกณฑ์การเขียนวัตถุประสงค์
  • ประเภทของวัตถุประสงค์
  • วิธีการเขียนวัตถุประสงค์

2.2 การวิเคราะห์ผู้ฟัง (นำสถานการณ์จริงของผู้เข้ารับการอบรมแต่ละคนมาฝึกวิเคราะห์ผู้ฟัง)

  • ประเภทของผู้ฟัง (ลูกค้าภายใน ลูกค้าภายนอก)
  • การวิเคราะห์ผู้ฟังระดับพื้นฐานและวิเคราะห์เชิงลึก เช่น

o   ใครเป็นผู้ตัดสินใจ ผู้มีอิทธิพล

o   ความรู้ ประสบการณ์ ของผู้ฟัง

o   สภาวะการแข่งขัน (โดยเฉพาะกรณีนำเสนองานขาย)

o   ความต้องการขององค์กรและความต้องการส่วนตัวของผู้ฟัง

o   ความสนใจ ความคาดหวังของผู้ฟัง

o   ความรู้สึกและอารมณ์ของผู้ฟัง

o   ปัญหาและข้อกังวลใจของผู้ฟัง

2.3 การวางโครงสร้างเนื้อหาการนำเสนอ (ผู้เข้ารับการอบรมแต่ละคน ฝึกเขียนจากสถานกาณ์จริง)

  • การรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น
  • การกำหนดสาระสำคัญในการนำเสนอ
  • การกำหนดรายละเอียดสนับสนุนในการนำเสนอ
  • การสร้างข้อความเชื่อมโยง
  • การสร้างข้อความปิดการนำเสนอ
  • การสร้างข้อความเปิดการนำเสนอ

v ฝึกปฏิบัติการนำเสนอหน้าห้องพร้อมได้รับ Feedback จากวิทยากรและผู้เข้าอบรมท่านอื่น

ส่วนที่ 3: วิธีการหรือเทคนิคการนำเสนองาน / การปรับบุคลิกภาพ

§  การสบสายตา

§  การใช้ภาษากาย

o   กิริยาท่าทาง

o   สีหน้า

o   การเคลื่อนไหว

o   การวางท่า

§  การใช้ภาษา

§  การใช้เสียง

§  การโต้ตอบกับผู้ฟัง

§  การใช้สื่อ

v ฝึกปฏิบัติการนำเสนอหน้าห้องเป็นระยะพร้อมได้รับ Feedback จากวิทยากรและผู้เข้าอบรมท่านอื่น

ประโยชน์ที่ได้รับ

หลังจากจบการสัมมนา ผู้เข้ารับการอบรมจะสามารถ…

  • เข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ทักษะการนำเสนอแบบเน้นผู้ฟังหรือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
  • กำหนดวัตถุประสงค์การนำเสนอที่มีความชัดเจนที่ใช้เป็นหลักยึดหรือแนวทางการนำเสนอที่ประสบความสำเร็จ
  • วิเคราะห์ผู้ฟังได้ทั้งในมุมกว้างและมุมลึก เพื่อสร้างเนื้อหาที่น่าเชื่อถือ โน้มน้าวและจูงใจผู้ฟัง/ลูกค้า
  • จัดเตรียมโครงสร้างเนื้อหาการนำเสนอที่ทรงพลังและเข้าถึงความต้องการและความสนใจของผู้ฟัง/ลูกค้า
  • สร้างเนื้อหาการนำเสนอที่มีความน่าเชื่อถือและเรียบเรียงอย่างเป็นเหตุเป็นผล ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ฟัง/ลูกค้า
  • เสริม สร้างบุคลิกภาพที่ดี รวมถึงพัฒนาเทคนิคการนำเสนอให้มีความน่าเชื่อถือ จูงใจ สร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
  • เลือกสื่อในการนำเสนอได้อย่างเพียงพอและเหมาะสมกับเนื้อหาที่จะนำเสนอ

 

วิธีการฝึกอบรม

Pre-work บรรยาย ระดมสมอง อภิปราย เขียน ฝึกปฏิบัติ ให้ Feedback ถ่ายวีดีโอ

 

ระยะเวลา  จำนวน  12   ชั่วโมง (2 วัน)

จำนวนผู้เข้าอบรม                30      คน / รุ่น

 

Module 3: เทคนิค ปลุกพลังการเจรจาต่อรองแบบไม่เป็นรองใคร  

              Clic Biz to be Effective Negotiation Techniques-Workshop

An Official Subscriber to and use of The Negotiation, Teamwork and Decision Making exercise Developed by The Dispute Resolution Research Center at Kellogg School of Management at Northwestern University

หลักการและเหตุผล

ในสภาพของความเป็นจริงในทุกยุค ทุกสมัย เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วว่า “การเจรจาต่อรอง” นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งไม่ว่าจะทำงานในตำแหน่งใด รับผิดชอบด้านใด ตามคำบอกกล่าวว่าไม่ว่าคุณจะอยู่ในสภาวการณ์เช่นไร มีโอกาสที่จะได้หรือไม่ คุณจะเป็นผู้ที่ได้เปรียบหรือหรือตกอยู่ท่ามกลางความเสียเปรียบ คุณก็อาจจะไม่ได้อะไร ต่างตอบแทน เพราะคุณไม่ได้ใช้สิทธิเหล่านั้นเพราะการต่อรองจะทำให้องค์กร หรือตัวเรานั้นได้ในสิ่งที่ตนเองพึงปรารถนา ที่สำคัญที่สุดก็ไม่ไปทำร้ายผู้อื่นให้รู้สึกว่าตนเองกำลังจะสูญเสียบางสิ่ง อย่างไป  เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ ที่ดีในการทำธุรกิจ และเป็นสิ่งที่หลายองค์กรนั้นพึงกระทำอย่างยิ่ง ในหลายองค์กรใหญ่จึงมุ่งเน้นการใช้เทคนิคการเจรจาต่อรองที่จะสร้างมิติทำให้ ไม่มีผู้ใดสูญเสีย โดยผ่านกระบวนการการเจรจาต่อรองที่มีความชัด เจนและมุ่งเน้นความสำเร็จที่เป้าหมาย สร้างกลไกตามสภาวการณ์ที่มีความยินดีในทุกฝ่ายที่เรียกว่า Three Ws Model   ซึ่ง เป็นแนวความคิดของการเจรจาต่อรองสมัยใหม่ มุ่งเน้นความสำเร็จแบบองค์รวมหรือบูรณาการมาก กว่าการมีข้อขัดแย้ง หรือชนะเพียงอย่างเดียว แนวการสร้างทีมงานให้มีแนวคิดให้มีการเจรจาแบบมืออาชีพ ตอบโจทย์ในทุกกรณีนั้น จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาทีมงาน โดยมุ่งเน้นความสำเร็จขององค์กรเป็นที่ตั้ง หลักสูตร “เทคนิค ปลุกพลังการเจรจาต่อรองแบบไม่เป็นรองใคร” เป็นหลักสูตรที่รวบรวมถึงเทคนิคการเจรจาต่อรองที่สำคัญ มุ่งเน้นการปฏิบัติตามรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม สร้างความ “เหนือชั้น” ในการดำเนินธุรกิจให้กับองค์กรได้ย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหารสามารถนำไปใช้ไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม นำมาซึ่งความ สำเร็จขององค์กร ของทีมงานและของตนเอง

วัตถุประสงค์

1.      ให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการเจรจาต่อรอง

2.      หลักการเจรจาต่อรองยุคใหม่ แบบได้ใจ ได้งาน

3.      ประยุกต์การเจรจาต่อรองผ่านกระบวนการทางจิตวิทยา เพื่อสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ

เนื้อหาในการฝึกอบรม  

วันที่ 1 ความสำคัญและการสำรวจความพร้อมในการเจรจาต่อรอง

  • ความสำคัญของการดำเนินธุรกิจกับการเจรจาต่อรองในทศวรรษหน้า
  • ยุทธ์ศาสตร์ที่สำคัญของการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน
  • ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญของนักเจรจาต่อรอง
  • ขจัดความกังวลของทุกคนเมื่อต้องเจรจาต่อรอง
  • ประเด็นหลักที่สำคัญของการเจรจาต่อรอง
  • ความเข้าใจผิดเมื่อต้องขึ้นเวทีการเจรจาต่อรอง
  • ปรับคุณลักษณะที่สำคัญให้ตนเองเป็นนักต่อรอง แบบ “เหนือชั้น”
  • วิเคราะห์ตนเองเพื่อปรับกลยุทธ์ จากความสำเร็จและล้มเหลวในการเจรจาต่อรอง
  • Workshop1 ทำความเข้าใจเรื่องความสำคัญเรื่องการเจรจาต่อรอง และแบบทดสอบตนเอง
  • Workshop2 ชุดฝึกการเจรจาต่อรองเป็นรายบุคคล
  • Workshop3 วิเคราะห์กลุ่ม จากกรณีศึกษาที่กำหนดให้

วันที่ 2 วิเคราะห์และการสร้างปัจจัยความสำเร็จในการเจรจาต่อรอง

  • วิเคราะห์คุณลักษณะของแต่ละท่านในการเจรจาต่อรอง(Assessment and FeedBack)
  • สิ่งที่ทีมงานต้องเตรียมพร้อมเพื่อการเจรจาต่อรอง
  • วิเคราะห์ขอบเขตการเจรจาต่อรองแบบ ZOPAs’ Model
  • การบริหารข้อมูลเพื่อการเจรจาต่อรอง
  • วิเคราะห์บุคลิกภาพอย่างนักเจรจาต่อรองมืออาชีพ
  • ชมวีดิทัศน์
  • Workshop4 ชุดฝึกการค้นหา BATNAs Model รายบุคคลและรายกลุ่ม
  • Workshop5 ชุดฝึกตามหลัก Guessimation รายบุคคล

วันที่ 3 การสร้างแรงกดดันและสร้างแต้มต่อเพื่อเป็นต่อในการเจรจาต่อรอง

  • ประเภทของแรงกดดันที่สำคัญ
  • การจัดเตรียมเครื่องมือที่จำเป็นในการสร้างแรงกดดัน
  • การจัดเตรียมสถานที่ เพื่อใช้ให้เป็นเวทีการต่อรอง และการสร้างความได้เปรียบ
  • สิ่งที่ควรและไม่ควรสำหรับการเจรจาต่อรอง
  •  การวิเคราะห์ บริบทของข้อมูลและการนำไปใช้ในการเจรจาต่อรอง
  • 11 กลยุทธ์การเจรจาต่อรองที่สำคัญ
  • การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่ออยู่ในสภาวะที่เพลี่ยงพล้ำ
  • Workshop4 ชุดฝึกการเจรจาต่อรองเป็นรายบุคคล ซึ่งสามารถวัดเป็นคะแนนเพื่อดูความแตกต่าง

วิธีการสัมมนา

  • แนวการสอนเป็นรูปแบบที่ออกแบบให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ (Professional Learning Method)
  • จากแนวคิด สู่การปฏิบัติ Work Shop ได้ทำ Work Shop รายบุคคล
  • บทบาทสมมุติ
  • กรณีศึกษา(Case Studies)
  • ชมวีดีทัศน์

ระยะเวลา  จำนวน  18   ชั่วโมง (3 วัน)

จำนวนผู้เข้าอบรม                30      คน / รุ่น

 

 

Module4: เทคนิคการขายอย่างที่ปรึกษา

วัตถุประสงค์

เนื่อง จากปัจจุบัน องค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ภาวะของโลกาภิวัฒน์และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้น มีความรู้เพิ่มขึ้นและมีความต้องการที่มากขึ้น สภาพแวดล้อมดังกล่าวล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้องค์กรต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่ รอดและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

หน่วย งานขายเป็นหน่วยงานสำคัญที่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่บริษัท จึงเป็นหน่วยงานที่จำเป็นต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของพนักงานขายที่ต้องปรับเปลี่ยนไปจากวิธีการขายแบบ ใช้ความสัมพันธ์เป็นการขายแบบที่ปรึกษา เป็นนักแก้ปัญหา ที่มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จ

แนวคิดของการขายแบบที่ปรึกษา

การ ขายแบบที่ปรึกษาเป็นรูปแบบการขายที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงขจัดข้อโต้แย้งและข้อกังวลใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผล เริ่มจากสามารถเปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิผลทำให้ลูกค้ายินดีที่จะเปิดใจ พูดคุยด้วย หลังจากนั้นผู้เข้าอบรมจะได้ฝึกทักษะการสอบถามเพื่อค้นหาความต้องการเชิงลึก จากนั้นจึงนำเสนอคุณประโยชน์และคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความ ต้องการของลูกค้า รวมทั้งปิดการขายที่ได้ข้อผูกมัดกลับมา และในกรณีที่เผชิญความท้าทายเมื่อลูกค้ามีข้อโต้แย้ง พนักงานขายก็สามารถจัดการกับข้อโต้แย้งนั้นได้อย่างมีประสิทธิผลและสร้าง ความสัมพันธ์อันดี

เนื้อหาหลักสูตรทักษะการขายแบบที่ปรึกษา

1. ปรับพื้นฐานและทัศนคติเกี่ยวกับการขายแบบที่ปรึกษา

  • บทบาทของการขายกับความสำเร็จขององค์กร
  • ความหมายและความสำคัญของการขายแบบที่ปรึกษา
  • ความท้าทายที่ต้องเผชิญในการขาย
  • ความคิดและความกดดันของลูกค้า
  • บทบาทและคุณสมบัติที่จำเป็นของนักขายที่ประสบความสำเร็จ
  • นักขายที่ปรึกษากับการสร้างความแตกต่าง

2.      ทักษะการขายแบบที่ปรึกษา กรณีลูกค้าไม่มีข้อโต้แย้ง

2.1  การขายแบบสนองความต้องการ

2.2  การสร้างความประทับใจแรกเริ่มกับลูกค้า

2.3  การเปิดการขาย

  • เสนอหัวข้อการสนทนากับลูกค้าและชักจูงลูกค้าให้สนใจ
  • แจ้งประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการพูดคุยในครั้งนี้
  • ตรวจสอบปฏิกิริยาของลูกค้า

2.4  การสอบถาม

  • ใช้คำถามเปิด-ปิดเพื่อค้นหาความต้องการของลูกค้า
  • การสอบถามสภาพแวดล้อมของลูกค้า
  • การค้นหาความต้องการเบื้องลึกของลูกค้า
  • การสอบถามเพื่อขยายหรือแสวงหาโอกาสในการขาย Solution
  • ภาษาแสดงความต้องการกับโอกาส
  • การแสดงออกถึงการรับรู้และความเข้าใจลูกค้า
  • การตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการที่ตรงกัน
  • การกล่าวรับรู้ความต้องการของลูกค้า

2.5  การสนับสนุนความต้องการของลูกค้า

  • ทำความเข้าใจกับความแตกต่างของคุณลักษณะกับคุณประโยชน์
  • การบรรยายคุณลักษณะกับคุณประโยชน์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
  • การตรวจสอบการยอมรับจากลูกค้า

2.6  การปิดการขาย

  • การกล่าวสรุปคุณประโยชน์ที่ลูกค้ายอมรับไปก่อนหน้านี้
  • พนักงานขายเสนอขั้นตอนต่อไปสำหรับตนเองและลูกค้า
  • พนักงานขายทำการตรวจสอบการยอมรับจากลูกค้า

3.      ทักษะการขายแบบที่ปรึกษา กรณีลูกค้ามีข้อโต้แย้ง

3.1 ประเภทของข้อโต้แย้งของลูกค้า

3.2 การเอาชนะความไม่สนใจของลูกค้า

  • แสดงความเข้าใจและรับรู้ความไม่สนใจของลูกค้า
  • ขออนุญาตทำการสอบถาม
  • การสอบถามเพื่อทำให้ลูกค้าตื่นตัวกับความต้องการที่ไม่ได้คิดถึงมาก่อน

3.3  การจัดการกับข้อโต้แย้งของลูกค้า

  • การสอบถามเพื่อทำความเข้าใจกับข้อโต้แย้งของลูกค้า
  • การตอบสนองต่อลูกค้าที่ยังไม่แน่ใจในสินค้าและบริการของเรา
  • การตอบสนองต่อลูกค้าที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสินค้าหรือบริการของเรา
  • การตอบสนองต่อลูกค้าที่ไม่ถูกใจในคุณสมบัติบางอย่างของสินค้าและบริการ

ประโยชน์ที่ได้รับ

1.      ผู้เข้ารับการอบรมมีความเข้าใจถึงบทบาทของตนและความสำคัญในการเป็นนักขายแบบที่ปรึกษา

2.      ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจในความหมายของการขายแบบสนองตอบความต้องการของลูกค้า

3.      ผู้ เข้ารับการอบรมสามารถประยุกต์ใช้ทักษะการขายแบบที่ปรึกษาในการสร้างความ ประทับใจแก่ลูกค้าและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยนำเสนอคุณ ประโยชน์และคุณสมบัติของสินค้าและบริการได้อย่างตรงจุด

4.      ผู้ เข้ารับการอบรมสามารถใช้คำถามเปิด คำถามปิดรวมทั้งเทคนิคการฟังที่มีประสิทธิผล เพื่อทำความเข้าใจกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า

5.      ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างคุณลักษณะกับคุณประโยชน์ที่จะใช้ในการนำเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

6.      ผู้เข้ารับการอบรมสามารถปิดการขายโดยสร้างข้อผูกมัดที่หนักแน่นกับลูกค้า

7.      ผู้เข้ารับการอบรมประสบความสำเร็จในการสร้างความคืบหน้าในการขาย ขณะที่เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า

8.      ผู้เข้ารับการอบรมมีความมั่นใจและสามารถจัดการกับข้อโต้แย้งของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผล

ระยะเวลา   จำนวน  12   ชั่วโมง (2 วัน)

จำนวนผู้เข้าอบรม                30      คน / รุ่น

 

 

Module5: เทคนิคการบริการเหนือใจ เหนือความคาดหวังแบบโดนใจ ใช่เลย!

            Top Performance in Service Beyond Expectation

 

หลักการและเหตุผล

ตาม กระแสการแข่งขันบนโลกของธุรกิจที่ไร้พรมแดนที่มีความรุนแรงขึ้นดังใน ปัจจุบัน จึงทำให้ทุกธุรกิจนั้นมีแรงต้านที่จะทำให้ธุรกิจของตนเองนั้นมีความหน่วงใน การเจริญเติบโตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบางรายอาจจะประสบกับสภาวะขาดทุน จนถึงปิดกิจการไป ตัวหน่วงก็คืออุปสรรคต่าง ๆ ที่มาจากการดำเนินธุรกิจ เช่นการที่คู่แข่งมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น หรือปริมาณของคู่แข่งขันที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และอุปสรรคประการที่สองได้แก่อุปสรรคที่มาจากการคาดหวังของลูกค้าที่มีเพิ่ม ขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งอุปสรรคในประการนี้กลายเป็นอุปสรรคหลักของการดำเนินธุรกิจ เพราะถ้าองค์กรใดไม่สามารถที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มากกว่า ความคาดหวังที่มีอยู่ ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะสูญเสียกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ไป ดังนั้นในโลกของการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน จึงกลายเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ทุกองค์กรต้องให้ความสนใจ ใส่ใจ และให้ใจลูกค้าอย่างจริงจังแบบ “เหนือใจ เหนือความคาดหวัง” เพื่อ นำมาซึ่งความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าผ่านกระบวนการหรือวิธีการบริการที่เป็น รูปธรรม ที่จะสามารถทำให้ลูกค้านั้นจับต้องการบริการได้อย่างเป็นรูปธรรม นำมาซึ่งความสำเร็จระยะยาวและสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ

วัตถุประสงค์

เพื่อ เสริมสร้างความเข้าใจในหลักของการให้บริการที่จะตอบสนองต่อความต้องการของ ลูกค้าแบบเหนือใจ เหนือความคาดหวัง เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจและปลุกพลังการทำงานของพนักงานให้ฮึกเหิม..ที่ จะให้บริการกับลูกค้า และที่สำคัญสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม

วิธีการสัมมนา

ใช้หลักการอบรมให้สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ Adult Learning ตามหลักที่เรียกว่า Accelerated Learning ที่ มีกระบวนการที่จะทำให้ผู้เรียนรู้นั้นสามารถที่จะเข้าใจและนำมาสร้างองค์ ความรู้ที่อบรมนำไปพัฒนาได้จริงในงานของตนเอง จากแนวคิด สู่การปฏิบัติ  Work Shop กรณีศึกษา(Case Studies)และGroup Discussion

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

หลังจากการเข้าฝึกอบรมแล้ว ผู้เข้ารับฝึกอบรมจะสามารถ

  • เข้าใจหลักของการบริการแบบเหนือใจ เหนือความคาดหวัง
  • บทบาทหน้าที่ของผู้ที่ของทีมงานในการบริการแบบเหนือใจ
  • เทคนิค วิธีการบริการแบบเหนือใจ อย่างเป็นรูปธรรม
  • รู้และเข้าใจหลักวิธีการวางแผนเมื่อต้องออกสนามการบริการ
  • สามารถประเมินสถานการณ์ต่างๆ เมื่อในการบริการแบบเหนือใจ
  • หลักการบริการต่างมิติ เข้าถึงใจการบริการเหนือใจลูกค้า
  • นำไปพัฒนายุทธวิธีในการบริการขั้นสูงต่อไป

เนื้อหาการฝึกอบรม

วันที่ 1 ช่วงที่1 ความสำคัญหลักของการบริการในทศวรรษหน้า

  • ตรวจเช็คระดับอุณหภูมิของธุรกิจของท่านในยุค WTO
  • ดัชนีชี้วัดความสำเร็จในยุคปัจจุบัน เพื่อสร้างความยั่งยืนถาวรทางธุรกิจ
  • หลักของการบริการแบบเหนือใจ เหนือความคาดหวัง

Workshop: ทำความเข้าใจกับหลุมพรางการให้บริการ

วันที่ 1 ช่วงที่2 มาตรฐานของการบริการแบบเหนือใจ เหนือความคาดหวัง

  • วิเคราะห์เพื่อค้นหาหลักการบริการเหนือใจ เหนือความคาดหวัง
  • เทคนิคการลดแรงกดดัน เมื่อลูกค้า แรงมา! แบบสบายใจ มีพลังให้บริการ
  • วิเคราะห์การสร้างมาตรฐานการให้บริการเหนือใจ

Workshop:   1 ชมวีดีทัศน์เทคนิคการจัดการการบริการเหนือใจ เหนือความคาดหวัง และวิธีขจัดแรงกดดัน

2  วิเคราะห์กลุ่ม จากกรณีศึกษาที่กำหนดให้

วันที่ 2 ช่วงที่1 พัฒนาทักษะของการบริการเหนือใจ เหนือความคาดหวัง

  • องค์ประกอบของความสำเร็จของการบริการเหนือใจ เหนือความคาดหวัง
  • สร้างหลัก 6Ps’ Top Performance in Service  เพื่อการบริการเหนือใจ
  • เทคนิคและบุคลิกภาพของนักบริการเหนือใจ เหนือความคาดหวัง

Workshop: ฝึกการค้นหา 6Ps’และพัฒนาบุคลิกภาพของการบริการเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม

วันที่ 2 ช่วงที่2 การวิเคราะห์รูปแบบการบริการแบบยกระดับ

  • สร้าง Service BluePrint ของการบริการที่ประสบความสำเร็จ
  • ดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของลูกค้าในยุคปัจจุบัน
  • ข้อพึงระวังที่สำคัญของการบริการเหนือใจ เหนือความคาดหวัง

Workshop: ฝึกการค้นหา Service BluePrint การบริการเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม

หมายเหตุ: ชุด ฝึกต่างๆ เป็นการคิดค้นซึ่งได้ผ่านกระบวนการทดสอบจนมั่นใจว่ามีความเหมาะสมและทำให้ การเรียนรู้มีความสมบูรณ์แบบสอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้

ระยะเวลา  จำนวน 12 ชั่วโมง (2 วัน)

จำนวนผู้เข้าอบรม                30      คน / รุ่น

 

Module6:  เทคนิคการสื่อสารเพื่อการขายอย่างมืออาชีพ

Professional Customer Communication:PCC

หลักการและเหตุผล

ตามที่ทุกคนทราบกันดีว่า การสื่อสารเป็นปราการด่านแรกที่จะใช้ในการติดต่อกับลูกค้า “หาก แม้ลูกค้าคนใดมีปัญหา ก็จะสามารถ ฟันฝ่าปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาได้ง่าย สามารถที่จะปลดล๊อคต่าง ๆ กับลูกค้าได้เป็นอย่างดีด ถ้าองค์กรนั้นมีกระบวนการของการสื่อสารที่เข้มแข็ง ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งมีกระบวนการของการสื่อสารในงานขายอย่างมืออาชีพเป็นเครื่องมือที่สำคัญ จากสภาพปัญหาภายในองค์กรที่ถือว่า “น่าเป็นห่วง” ได้แก่ การการสื่อสารและประสานงานทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะกับลูกค้า ที่อาจจะไม่เข้าใจถึงนโยบาย ภาระหน้าที่ที่สำคัญขององค์กรผู้ขาย หรือการเข้าถึงแนวการปฏิบัติงานที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพนำสู่ประสิทธิผล อีกทั้งบางครั้งต้องสื่อสารกับบุคคลภายนอกต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นทีมงานหนึ่งขององค์กร เมื่อมีปัญหา ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่คาดหวังได้ เพราะการทำงานจะต้องมีการสื่อสารในรูปแบบบูรณการย่อมทำให้เห็นประสิทธิผลใน การทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรม  ซึ่ง องค์ประกอบที่สำคัญของการสื่อสารนั้นประกอบไปด้วยผู้ที่สื่อสารและผู้ที่รับ ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารในรูปแบบของหัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่บุคคลภายนอกคือลูกค้า ล้วนแต่ต้องอาศัยศักยภาพของการสื่อสารเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนความสำเร็จใน การทำงานทั้งสิ้น ซึ่งจะสังเกตได้จากองค์กรที่มีการเจริญเติบโตนั้น จะมีการพัฒนาระบบการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ ทำให้การสื่อสารนั้นเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการกำหนดทิศทางของการเจริญการหน้า ให้องค์กรนั้น ถ้าองค์กรนั้นมีวิธีการสื่อสารอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ   ดังนั้นหลักสูตร “เทคนิคการสื่อสารเพื่อการขายอย่างมืออาชีพ” จึงถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการพัฒนาการทำงานของพนักงาน โดยอาศัยหลักของการทำงานร่วมกันผ่านกระ บวนการสื่อสารเพื่อองค์กร เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อพัฒนาทีมงานให้เข้าใจถึงความคิด แนวทางการปฏิบัติของการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อการสื่อสารกับภายนอก ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับงานของตนเอง และทำให้ทำงานร่วมกับบุคคลอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความยั่งยืนและการทำงานได้มีประสิทธิผลขององค์กรนั้น ๆ

วัตถุประสงค์

เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้ ฝึกหัดและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ

1.      กลยุทธ์และวิธีการสำหรับการสื่อสารและการประสานงานกับลูกค้า

2.      เข้าใจหลักการสื่อสารข้อมูลที่สำคัญ เพื่อความชัดเจนในการติดต่อกับลูกค้า

3.      เข้าใจหลักการโน้มน้าว จูงใจ กระตุ้นให้ลูกค้าเข้าใจและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4.      หลักการนำเสนองานที่สำคัญเพื่อให้มีความชัดเจนให้กับลูกค้า

5.      เป็นตัวแทนองค์กรเพื่อสื่อสารให้เกิดความเข้าใจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร

วิธีการสัมมนา

ใช้หลักการอบรมในรูปแบบของการเป็น Coaching ให้สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ Adult Learning ตามหลักที่เรียกว่า Accelerated Learning ที่ มีกระบวนการที่จะทำให้ผู้เรียนรู้นั้นสามารถสร้างองค์ความรู้ที่อบรมนำไป พัฒนาได้จริงในงานของตนเอง ซึ่งสามารถแบ่งสัดส่วนของการเรียนรู้ได้และการปฏิบัติ (Workshop) ได้ ในอัตรา 50:50 กล่าวคือเป็นการบรรยายให้ความรู้ในเชิงทฤษฎีที่สำคัญและจำเป็นประมาณ 50% และ ฝึกภาคปฏิบัติ (Workshop) อีก 50% ซึ่งฝึกภาคปฏิบัติประกอบไปด้วย:

w  Group Discussion

w  Individual Assignment

w  Individual/Group Presentation

w  Role Play in Real Situation for Individual

w  Case Study

หัวข้อการอบรม

วันที่ 1 ช่วงที่ 1  ความสำคัญและหลักการสื่อสารประสานงานร่วมกันเพื่อองค์กร

w  ความสำคัญของการสื่อสารกับการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ ในทศวรรษที่ 21

w  องค์ประกอบของความสำเร็จในการทำงาน (KSF)

w  องค์ประกอบและบทบาทของการสื่อสารเพื่อองค์กร

w  หลักการลดแรงต้านที่สำคัญในการสื่อสารที่แตกต่างบทบาท

w  วิเคราะห์ประเภทของคนเพื่อการวิเคราะห์การสื่อสาร

w  กลยุทธ์การสื่อสารเชิงระบบ เพื่อผลสำเร็จในงานขาย

w  เทคนิคการถ่ายทอดเพื่อการได้ใจลูกค้า

วันที่ 1 ช่วงที่ 2 หลักการโน้มน้าว และการเจรจาต่อรอง

w  วิเคราะห์ปัจจัยของการแสดงออกของคน เป็นรายบุคคล

w  หลักการสื่อสารแบบชั้นเดียวและแบบหลายชั้น

w  จิตวิทยาการโน้มน้าวตามลักษณะเฉพาะของบุคคล

w  เทคนิคที่สำคัญในการสื่อสารในองค์กรและหัวหน้า ลูกน้อง

w  กลไกการสื่อสารเพื่อการขายที่สำคัญ

w  สิ่งที่ควร(Do)และไม่ควร(Don’t)ในการสื่อสาร

w  Workshop

ระยะเวลา  จำนวน 6 ชั่วโมง (1 วัน)

จำนวนผู้เข้าอบรม                30      คน / รุ่น