แนวคิดเรื่องการจัดหลักสูตรตามกรอบของ “การสร้างพิมพ์เขียวในการทำงาน”
Effective Management Blue Print for The Super Manager
หมายเหตุ: หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่ประยุกต์มาจากหลักสูตรการบริหารจัดการ (Management Program) จากรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น โดยวิทยากรได้รับการ Certified Trainer ในหลักสูตร “Trainers’ Training Course on Management Training จากเมือง โอซากา ประเทศญี่ปุ่น
หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารงานคือการพัฒนาความสำเร็จในการทำงานของพนักงาน ซึ่งกระบวนการพัฒนาความสำเร็จของพนักงานนั้น มีองค์ประกอบด้วยกันอยู่หลายประการ ซึ่งการเลือกเครื่องมือเพื่อที่จะทำให้พนักงานสามารถที่จะพัฒนาตนเอง เข้าใจด้วยตนเอง สร้างแรงจูงใจในตนเองได้ ถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่มากสุดเพราะจะทำให้พนักงานสามารถที่จะเข้าใจในความสามารถของตนเอง เข้าใจช่วงเวลาในการที่จะพัฒนาตนเอง ผ่านกระบวนการของการพัฒนาทักษะที่เป็นรูปแบบในการบริหารจัดการร้านค้าที่เป็นรูปธรรม ซึ่งความเข้าใจในการพัฒนาพิมพ์เขียวในการบริหารจัดการนั้น นำไปสู่ประตูของความสำเร็จ ที่มีองค์ประกอบ 6 ด้าน ดังต่อไปนี้
1)ความเป็นเลิศทางธุรกิจ 2)การมีมาตรฐานในการทำงาน 3)พัฒนาภาวะผู้นำในตนเอง 4) การทำงานร่วมกันเป็นทีม 5)การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ 6)ลดขั้นตอนและเวลาในการทำงานซึ่งองค์ประกอบของความสำเร็จนี้ ต้องอาศัยเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างพิมพ์เขียวในการทำงาน เครื่องมือที่นี้จะทำให้พนักงานมีศักยภาพ มีความรู้ ความเข้าใจ จนสามารถนำไปปฏิบัติได้ เพื่อครอบคลุมองค์ประกอบของความสำเร็จ ทั้ง 6 ด้านข้างต้นได้ คือการพัฒนาทักษะของการเป็นผู้จัดการ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ (knowledge) ความเข้าใจ (Understand) เพื่อเกิดทักษะ ความชำนาญ (Skill) และ ทัศนคติ (Attitude) ที่ดีในการปฏิบัติงาน จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อสร้างผลสำเร็จในการปฏิบัติงานทั้งในปัจจุบันและอนาคตของบุคลากรนั้นๆ ซึ่งจะส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กร ซึ่งมี 11 ปัจจัยหลักของการพัฒนาภาวะผู้นำ(Leadership) ดังต่อไปนี้
- ความสามารถที่จะบริหารตนเองและบริหารทีมงาน (Management for Success)
- มีความชัดเจนในคุณค่าขององค์กร (Clear Value)
- วัตถุประสงค์ในการทำงานต้องมีความชัดเจน (Clear Objective)
- มุ่งเน้นการพัฒนาทีมงานอย่างต่อเนื่อง (Continuing Team Development)
- ทักษะในการวิเคราะห์แก้ไขปัญหา (Self-Effective problem-Solving Skills)
- ความสามารถในความคิดสร้างสรรค์และริเริ่มสร้างสรรค์(The capacity to be creative and innovative)
- มีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายองค์กร (Focus on Target Achievement)
- การฟังและการสื่อสาร (Listening and Communication)
- การทำงานร่วมกัน (Collaboration as a Team)
- การการปะเมินและพัฒนาแรงจูงใจให้ทีมงาน (Job Appraisal & Team-Motivation)
- การสร้างพิมพ์เขียวหรือคู่มือในการทำงาน (Management Blueprint)
ในการพัฒนาภาวะผู้นำในตนเองนั้น มุ่งเน้น 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ของกระบวนการ ที่จะทำให้ผู้เข้าอบรมสามารถที่จะสร้างภาวะผู้นำในตนเองได้หรือ Self-Leadership ได้แก่
ขั้นที่ 1: เข้าใจบทบาทของตนเองและเข้าในสภาวะแวดล้อม: Exploring the present
- การเข้าใจตนเองและสภาวะแวดล้อมต้องถูกนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบ ในทุกมิติทั้งในแง่ที่ดีและในแง่ที่ไม่ดี ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องง่ายในการวิเคราะห์ตนเองแต่เป็นความสำคัญที่จะต้องเข้าใจตนเองเพื่อสร้างภาวะผู้นำในตนเอง
ขั้นที่ 2: เป้าหมายขององค์กรและตนเอง: Visioning the Future
- เป็นความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ขององค์กรและตนเองที่ชัดเจน ซึ่งต้องเป็นสิ่งที่จับต้องได้ อธิบายได้ว่าความต้องการหรือความปรารถนาที่แท้จริงขององค์กรคืออะไร ซึ่งมุมมองที่อยากจะให้องค์กรเป็นในอนาคตนั้น มีความสำคัญที่จะทำให้คนเปลี่ยนไป เพราะถ้าคนขาดเป้าหมายก็จะทำให้ขาดเครื่องมือที่จะใช้ในการขับเคลื่อน ขาดความคิดสร้างสรรค์ที่จะสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตนเอง
ขั้นที่ 3: ปิดช่องว่าง ด้วยการพัฒนาพิมพ์เขียวหรือคู่มือในการทำงาน : Bridge the Gap
- ขั้นที่สามเป็นขั้นตอนในการสร้างคู่มือหรือพิมพ์เขียวในการทำงานเพื่อเสริมจุดแข็ง ลบจุดอ่อน ลดช่องว่างที่จะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ จึงเป็นความสำคัญทั้งในมุมของคุณภาพและปริมาณ คือต้องมีปริมาณที่เหมาะสมกับคุณภาพที่ดีเพียงพอที่จะยกระดับทีมงาน ซึ่งต้องเป็นงานหลักที่ต้องทำเพื่อปิดช่องว่างหรือจุดอ่อนที่ตนเองมีอยู่หลักสูตร การสร้างพิมพ์เขียวเพื่อการบริหารจัดการร้านค้า
Effective Management Blue Print for The Super Manager
ความท้าทายที่หลายองค์กรกำลังเผชิญอยู่ แล้วองค์กรของคุณล่ะเป็นเช่นนี้หรือไม่..- ผู้จัดการร้านไม่เข้าใจบทบาทที่ตนเองต้องทำ ในฐานะที่เป็นผู้จัดการคืออะไร?
- ไม่มีมาตราฐานในการบริหารงานที่ชัดเจน ขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
- พนักงานทำงานด้วยความสับสน ไม่เข้าใจแนวทางหรือทิศทางที่แน่นอน
- ไม่สามารถที่จะพัฒนาปรับปรุงคุณภาพหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- ไม่สามารถที่จะสร้างสมดุลในการทำงานที่ชัดเจน ทำให้การทำงานไม่ติดขัด
- ไม่มีแนวทางในการดำเนินงานให้มีความสมดุล
- ไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และไม่มีแนวทางในการดำเนินการ
- ไม่มีกระบวนการในการพัฒนาพนักงานที่ชัพเจนเป็นขั้นตอน
- และอื่น ๆ
หลักการและเหตุผล
ในการบริหารจัดการในปัจจุบันนั้นมีความซับซ้อน ยุ่งเหยิง และขาดความต่อเนื่อง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะ กลไกในการบริหารจัดการนั้น ขาดมาตรฐานในการบริหารจัดการ ซึ่งมาตรฐานการบริหารจัดการนี้เป็นเสมือนหัวใจสำคัญในการผลักดันให้ธุรกิจประสบความสำเร็จสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะ ถ้าองค์กรใดสามารถพัฒนานาให้มีมาตรฐานการทำงานที่ชัดเจน เท่ากับกำลังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้หนทางของความสำเร็จนั้นสั้นลง ทำให้ทุกคนสามารถมองไปในทิศทางเดียวกัน การพัฒนามาตรฐานจนทำให้ได้แม่บทในการบริหารจัดการต้องเกิดจากความเข้าใจร่วมกัน ของทุกคนในองค์กร และต้องมีความเข้าใจหลักการบริหารจัดการเชิงลึกโดยอาศัยหลักวิชาผนวกกับแนวคิดจากประสบการณ์บริหารงานจริงมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานเพื่อให้ตนเองและองค์กรประสบความสำเร็จ โดยสภาพที่แท้จริงนั้นในการที่จะทำให้องค์กรนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นกับผู้นำหรือผู้จัดการมีบทบาทที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนให้ทีมงานของตนนั้นไปสู่เป้าหมายได้ “ผู้จัดการหรือผู้นำ” จะต้องมีความเป็นผู้จัดการอัจฉริยะ คือเป็นผู้นำที่มีการนำแนวคิดหลักปฏิบัติด้านการบริหารจัดการมาผนวกกับแนวคิดด้านจิตวิทยาองค์กรมาใช้ในการบริหารงาน ทำให้ได้คู่มือที่เป็นเสมือนพิมพ์เขียวในการทำงารน ผ่านกระบวนการของการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ผลผลิตของทีมงานอย่างเป็นรูปธรรม ประสิทธิภาพ หลักสูตร การสร้างพิมพ์เขียวเพื่อการบริหารจัดการร้านค้า(Effective Management Blue Print for The Super Manager)เป็นหลักสูตรที่ประยุกต์มาจากการบริหารจัดการที่ถูกออกแบบร่วมระหว่างประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดยมีการนำมาประยุกต์เพื่อให้มีความสอดคล้องกับบริบทของการบริหารงานในองค์กรแบบไทย โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ นำไปวิเคราะห์กระบวนการการทำงาน สร้างแม่บทที่เป็นพิมพ์เขียวของการบริหารจัดการพัฒนา การสื่อสารและการบริหารงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านกระบวนการของการฝึกทั้งภาคทฤษฎีและการปฏิบัติ ด้วยวิธีการของการเรียนรู้ที่ได้ผลมากที่สุดในขณะนี้
วัตถุประสงค์
- ผู้เข้าอบรม จะมีความเข้าใจใน หลักการบทบาท บุคลิกลักษณะของการเป็นผู้นำอัจฉริยะ ผ่านกระบวนการบริหารจัดการที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เพื่อเพิ่มผลผลิตในการทำงาน
- เข้าใจบริบทรอบข้างขององค์กรเพื่อนำมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการส่วนงานที่ตนเองรับผิดชอบ
- มีหลักในการจัดทำ พิมพ์เขียวหรือคู่มือในการทำงานและการพัฒนาศักยภาพทีมงาน
- สามารถนำ “พิมพ์เขียวในการบริหารจัดการ” ไปพัฒนาต่อยอดเพื่อใช้ปฏิบัติงานจริงในองค์กรได้
หลักสูตรนี้เหมาะสมกับ…
ผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ผู้ที่กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการ หัวหน้างาน ผู้นำ หรือ ผู้บริหาร ผู้จัดการ ซูเปอร์ไวเซอร์ ในทุกองค์กร
หัวข้อการอบรม
Module 1: กุญแจสำคัญของความสำเร็จในการบริหารจัดการ
- ความเข้าใจในเรื่องการบริหารจัดการกับบทบาทของการเป็นผู้จัดการ
- ความสำคัญของผู้จัดการสำหรับธุรกิจยุคใหม่ ในทศวรรษที่ 21
- แนวความคิดการบริหารงานในฐานะเป็นผู้จัดการ
- ความเข้าใจผิดเมื่อต้องเป็นผู้จัดการ
- สิ่งที่ควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติในฐานะของการเป็นผู้จัดการ
- บทบาทที่สำคัญเมื่อเป็นผู้จัดการและบุคลิกภาพของการเป็นผู้จัดการ
- Workshop1: ทำแบบทดสอบความเข้าใจในการเป็นผู้นำ
สิ่งที่คาดว่าจะได้รับจาก Module 1:
- ผู้เข้าอบรมจะเข้าใจบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้บริหาร
- การวางตัว เข้าใจในสิ่งที่ตนเองต้องทำ ทีมงานต้องปฏิบัติ
- องค์ประกอบและหลักการบริหารจัดการ
Module 2: การสร้างมาตรฐานในการทำงานเพื่อความเป็นเลิศทางธุรกิจ
- ความสำคัญในการสร้างมาตรฐานเพื่อการบริหารจัดการ
- องค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างมาตรฐานในการทำงาน
- ขั้นตอนในการสร้างมาตรฐานอย่างมีมาตรฐาน
- การประยุกต์นำมาตรฐานเพื่อใช้ในการทำงาน
- กรณีศึกษาและจัดทำ Workshop
ผลที่คาดว่าจะได้รับ Module 2:
- ผู้เข้าอบรมจะได้ทราบถึงความสำคัญในสร้างมาตรฐานเพื่อการบริหารจัดการ
- สามารถที่จะวางแนวทางการสร้างมาตรฐานในทีมงานให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สามารถจัดทำมาตรฐานในการทำงานของตนเองได้ตามแนวทางที่ได้เรียนมา
Module 3: การสร้างพิมพ์เขียวหรือคู่มือในการทำงาน
- ความสำคัญในการมีคู่มือเพื่อการบริหารจัดการ
- การรวบรวมข้อมูลที่สำคัญเพื่อใช้ในการจัดทำคู่มือในการบริหารจัดการ
- การสำรวจความพร้อมของข้อมูลและองค์ประกอบปลีกย่อย
- ขั้นตอนในการพัฒนาคู่มืออย่างมีมาตรฐานเพื่อการพัฒนาทีมงาน
- การประยุกต์นำคู่มมือเพื่อใช้ในการทำงาน
- กรณีศึกษาและจัดทำ Workshop
ผลที่คาดว่าจะได้รับ Module 3:
- ผู้เข้าอบรมจะได้ทราบถึงขั้นตอนในการสร้างคู่มือหรือพิมพ์เขียวในการทำงาน
- สามารถที่จะวางแนวทางในการนำคู่มมือเพื่อใช้ในการพัฒนาความเข้าใจในการทำงาน
- สามารถจัดทำคู่มือในการทำงานของตนเองได้ตามแนวทางที่ได้เรียนมา
Module 4: การพัฒนาทีมงานและการประเมินการทำงานของทีมงาน
- แนวคิดเรื่องการประเมินการทำงานของพนักงาน
- องค์ประกอบหรือรายละอียดในการประเมินพนักงาน
- ขั้นตอนในการประเมินทีมงาน
- การนำผลจากการประเมินเพื่อมาต่อยอดในการทำงาน
- หลักวิธีในการพัฒนาทีมงาน
- เทคนคิการพัฒนาทีมงาน การใช้คู่มือเพื่อเป็นองค์ประกอบในการพัฒนาทีมงาน
- กรณีศึกษาและจัดทำ Workshop
ผลที่คาดว่าจะได้รับ Module 4:
- ผู้เข้าอบรมจะได้ทราบถึงขั้นตอนในการสร้างคู่มือหรือพิมพ์เขียวในการทำงาน
- สามารถที่จะวางแนวทางในการนำคู่มมือเพื่อใช้ในการพัฒนาความเข้าใจในการทำงาน
- สามารถจัดทำคู่มือในการทำงานขององค์กรได้ตามแนวทางที่ได้เรียนมา
วิธีการสัมมนา
ใช้หลักการอบรมในรูปแบบของการเป็น Coaching ให้สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ Adult Learning ตามหลักที่เรียกว่า Accelerated Learning ที่มีกระบวนการที่จะทำให้ผู้เรียนรู้นั้นสามารถสร้างองค์ความรู้ที่อบรมนำไปพัฒนาได้จริงในงานของตนเอง ซึ่งสามารถแบ่งสัดส่วนของการเรียนรู้ได้และการปฏิบัติ (Workshop) ได้ในอัตรา 50:50 กล่าวคือเป็นการบรรยายให้ความรู้ในเชิงทฤษฎีที่สำคัญและจำเป็นประมาณ 50% และ ฝึกภาคปฏิบัติ (Workshop) อีก 50% ซึ่งฝึกภาคปฏิบัติประกอบไปด้วย: Group Discussion, Individual Assignment, Individual/Group Presentation, Case Study, Clip Video
ระยะเวลาฝึกอบรม : 2 วัน หรือ 12 ชั่วโมง เพื่อครอบคลุม 10 ปัจจัยความสำเร็จในการบริหารทีม ได้แก่
- ความสามารถที่จะบริหารตนเองและบริหารทีมงาน (Management for Success)
- มีความชัดเจนในคุณค่าขององค์กร (Clear Value)
- วัตถุประสงค์ในการทำงานต้องมีความชัดเจน (Clear Objective)
- มุ่งเน้นการพัฒนาทีมงานอย่างต่อเนื่อง (Continuing Team Development)
- ทักษะในการวิเคราะห์แก้ไขปัญหา (Self-Effective problem-Solving Skills)
- ความสามารถในความคิดสร้างสรรค์และริเริ่มสร้างสรรค์(The capacity to be creative and innovative)
- มีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายองค์กร (Focus on Target Achievement)
- การฟังและการสื่อสาร (Listening and Communication)
- การทำงานร่วมกัน (Collaboration as a Team)
- การการปะเมินและพัฒนาแรงจูงใจให้ทีมงาน (Job Appraisal & Team-Motivation)
- การสร้างพิมพ์เขียวหรือคู่มือในการทำงาน (Management Blueprint)
วิทยากร : ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย (เกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาการบริหารจัดการ)
จำนวนผู้เข้าอบรม : 20 ท่าน เป็นจำนวนที่เหมาะสมสำหรับการจัดหลักสูตร
วิทยากร: (ประวัติตามเอกสารแนบ)
ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย (เกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาการบริหารจัดการ)
- นักเรียนทุนด้าน “การเป็นวิทยากรด้านการบริหารจัดการ MTP: Management Training Program” จากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยไปศึกษาเรื่องบริหารจัดการจากประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 17 วัน
- ผู้บริหารบริษัท 1 ใน 500 Fortune ของประเทศสหรัฐอเมริกา
- สำเร็จการศึกษาหลักสูตร “การเจรจาต่อรอง” และ“การเจรจาต่อรองชั้นสูง” จาก Notre Dame University, ประเทศ สหรัฐอเมริกา
- สำเร็จการศึกษาหลักสูตร “Expert Selling” และ “Sales Management Program” จาก University of San Francisco, ประเทศ สหรัฐอเมริกา
- ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ “เส้นทางนักขาย” ทาง Nation Channel