เทคนิคการนำเสนอเพื่อชัยชนะทุกงานขาย มีนักขายจำนวนไม่น้อยที่เขียนมาถามเรื่องการนำเสนออย่างไร ให้ตรงใจ ตรงจุด คือนำเสนอดี มีออร์เดอร์กลับบ้าน ใครไม่เคยยืนขึ้นเพื่อพูดอาจไม่เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริง บางครั้งเราเห็นเขายืนบนเวทีเพื่อพูด ผู้ฟังก็รู้สึกเพลิน ๆ ดี แต่ผู้พูด(บางคน) จะรู้สึกว่าเวลานั้นหมุนช้าเป็นพิเศษ เมื่อไหร่จะหมดเวลา แถมรู้สึกว่าอากาศบนเวทีนั้นเย็นกว่าข้างล่าง ถึงกันสั่น ความเข้าใจถึงเทคนิคการนำเสนอ อาศัยเพียงฟังผู้ชำนาญเล่าให้ฟังอาจจะดูง่าย แต่คงไม่พอที่จะทำให้นำเสนอได้ การฝึกฝนให้มีความชำนาญจะทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น และใช้เวลากับตนเองไปเรียนรู้เพิ่มเติมถึงทักษะต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการขาย บางครั้งต้องเข้าอบรมสัมมนา เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ที่จำเป็น ทำให้ได้แลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างนักขาย การนำเสนอในงานขายมีหลายระดับเริ่มต้นตั้งแต่ การนำเสนอแบบหนึ่งต่อหนึ่ง(One by One) คือ เมื่อต้องนำเสนอให้กับลูกค้าคนเดียว มีหลักวิธีที่จะต้องเตรียมตัวในการเผชิญหน้ากับลูกค้า อารมณ์ ความรู้สึกของลูกค้าจะตรงและรวดเร็วเพราะจำนวนคนน้อย นักขายต้องฝึกทักษะการฟัง(Listening) ให้แม่น และถ้าต้องจด ก็ควรจะขออนุญาติก่อนเสมอ เทคนิคการนำเสนอเพื่อชัยชนะทุกงานขาย การนำเสนอไม่ควรเร่งรีบจนกระทั่งได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอจึงนำเสนอข้อมูลที่เหมาะสมให้กับลูกค้า การนำเสนอแบบหนึ่งต่อหลาย(One by More) หมายถึงนักขายคนเดียวกับลูกค้าตั้งแต่ 2 ขึ้นไป แต่ไม่ถึงกับเป็นกลุ่มใหญ่ เข้ามาร่วมฟังการนำเสนอมีลักษณะนั่งเป็นกลุ่ม นักขายต้องเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการผู้เข้าร่วมประชุมให้มีทิศทางไปในทางเดียวกัน รูปแบบการนำเสนอต้องกระชับด้วยเนื้อหาสลับกับการผ่อนคลายทำให้ไม่น่าเบื่อในขณะสนทนา การฟังและการให้ความสนใจผู้เข้าร่วมประชุมมีความจำเป็น อย่างแรกต้องค้นหาประธานในการประชุมในครั้งนั้นๆ ให้ได้ ให้ความสำคัญ หรือความตั้งใจเต็มร้อย แต่อย่าให้ผู้เข้าร่วมการประชุมคนอื่นๆ รู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกินในการประชุม เป็นเหตุให้มีแรงต้าน ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี และสุดท้ายคือ หนึ่งต่อกลุ่มใหญ่ เป็นรูปแบบของการนำเสนอที่ต้องมีการเตรียมการในทุกด้าน รวมถึงอุปกรณ์ในการนำเสนอ เช่น คอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์ เป็นต้น เนื้อหาต้องมีความกระชับ หนักแน่น ไม่ยืดเยื้อ น่าเบื่อ แต่ก็ไม่สั้น กระชับเกินไปทำให้ไม่ได้เนื้อหาครอบคลุมที่จะนำเสนอ ขั้นตอนหรือ เทคนิคการนำเสนอเพื่อชัยชนะทุกงานขาย (Presentation Process) ต้องถูกเตรียมการให้กระชับ โดยประกอบไปด้วยกัน 4 ส่วนดังนี้ ส่วนที่ 1 ส่วนเตรียมความพร้อม(Preparation) เป็นการเตรียมความพร้อมตั้งแต่เริ่มการรับรู้ว่าต้องนำเสนอ และเมื่อถึงวันที่ต้องนำเสนอ ควรไปก่อนเวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และถ้าต้องมีการใช้อุปกรณ์ช่วยก็ควรไปก่อนประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อความมั่นใจว่าอุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการ ส่วนที่ 2 ส่วนเปิดการนำเสนอ(Open State) เป็นช่วงต้นในการนำเสนอ รูปแบบไม่มีข้อจำกัดที่ชัดเจน ขึ้นกับประสบการณ์ของแต่ละคน แต่ต้องคงไว้ว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงในการนำเสนอคืออะไร มากันกี่คน ชื่อและตำแหน่งอะไร การนำเสนออย่าให้ดูจริงจังมากเกินไป เพราะอาจทำให้บรรยากาศในการบรรยายในครั้งนั้น ดูหนักมากเกินไป ส่วนที่ 3 ส่วนเนื้อหา (Content Stage) เป็นส่วนที่ผู้นำเสนอต้องแม่นในสิ่งที่จะนำเสนอ อาจมีการซักถาม ดังนั้นต้องเตรียมทักษะในการจัดการกับคำถามให้ดี ๆ เพราะเป็นจุดในการสร้างความน่าเชื่อถือ ส่วนที่ 4 ส่วนสรุป (Conclusion Stage) เป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนการกล่าวขอบคุณ ต้องมีการสรุปประเด็นในการนำเสนอในครั้งนั้นเสมอ และถ้ามีมติ หรืองานที่ตนเองต้องนำกับไปทำ เช่นการหาข้อมูลเพิ่มเติม เตรียมตัวอย่างให้ใช้ ก็ต้องพูดเพื่อทบทวนอีกครั้ง และสุดท้ายคือคำขอบคุณแบบไพเราะให้กับผู้เข้าฟังในครั้งนั้นๆ
คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการนำเสนอเป็นเรื่องยาก แต่นักขายควรจะพยายามทำให้ได้เพราะทุกครั้งที่มีการนำเสนอ เทคนิคการนำเสนอเพื่อชัยชนะทุกงานขาย คือโอกาสแห่งความสำเร็จของนักขายอยู่ไม่ไกล ความยากง่าย อยู่ที่ความตั้งใจและการฝึกให้มีความชำนาญ ทำบ่อย ๆ จะรู้สึกถึงความสนุก ไม่ยากเลิก แถมได้ออร์เดอร์อีก…ฮืม! น่าลุ้น…น.น.น